Skip to content

สกศ. ชูแนวคิด “ระบบนิเวศการเรียนรู้” อัปเดตมาตรฐานการศึกษาของชาติ หวังสร้างไทยสู่ชาติแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา ดร.นิติ นาชิต รองเลขาธิการสภาการศึกษา เป็นประธาน “การประชุมจัดทำมาตรฐานการจัดระบบนิเวศการเรียนรู้ใน (ร่าง) มาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. …. (ฉบับปรับปรุงใหม่)” โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แก่ ศาสตราจารย์ ดร.สุพจน์ หารหนองบัว ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ดร.ชัยยศ อิ่มสุวรรณ์

นายวัฒนชัย วินิจจะกูล รองศาสตราจารย์ ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รองศาสตราจารย์ ดร.สุวิธิดา จรุงเกียรติกุล นายอภินันท์ ธรรมเสนา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร.เอนก สุวรรณบัณฑิต ดร.มณีรัตน์ จันทนา พร้อมด้วย นางโชติกา วรรณบุรี ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานการศึกษาและพัฒนาการเรียนรู้ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องสิปปนนท์ เกตุทัต อาคาร 2 ชั้น 2 สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา

ที่ประชุมร่วมพิจารณา (ร่าง) กรอบแนวคิดการพัฒนามาตรฐานการศึกษาของชาติ ซึ่งได้ใช้มาเป็นระยะเวลา 7 ปี โดยมีการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องการปฏิรูปการศึกษาและแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในระดับโลก (Global Megatrends) จากการศึกษาเอกสารทั้งไทยและต่างประเทศ รวมถึงการประชุมกับผู้ทรงคุณวุฒิและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำนักมาตรฐานการศึกษาและพัฒนาการเรียนรู้ได้เสนอ (ร่าง) มาตรฐานฉบับปรับปรุงใหม่ ประกอบด้วย มาตรฐานที่ 1 – คุณลักษณะ ทักษะ และสมรรถนะของคนไทยที่พึงประสงค์ มาตรฐานที่ 2- ระบบการเรียนรู้ที่ตอบสนองผู้เรียนและการเปลี่ยนแปลง และมาตรฐานที่ 3 – ระบบนิเวศการเรียนรู้ที่เอื้อต่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต

สำหรับมาตรฐานที่ 3 – ระบบนิเวศการเรียนรู้ที่เอื้อต่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต ซึ่งเป็นวาระพิจารณาในครั้งนี้ ประกอบด้วย 4 ตัวชี้วัดหลัก ดังนี้ 1) กำหนดยุทธศาสตร์และนโยบายเพื่อขับเคลื่อนระบบนิเวศการเรียนรู้ 2) พัฒนาภาวะผู้นำ ผู้นำการเปลี่ยนแปลงเพื่อหนุนเสริมระบบนิเวศการเรียนรู้ 3) ยกระดับภูมิทัศน์และโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต 4) เสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือทุกภาคส่วนสู่การพัฒนาระบบนิเวศการเรียนรู้ที่มีพลวัตและยั่งยืน

โอกาสนี้ ผู้ทรงคุณวุฒิได้ร่วมกันให้ข้อเสนอว่า มาตรฐานระบบนิเวศการเรียนรู้ อาจปรับเปลี่ยนเป็น “กรอบแนวทาง” (Framework) ให้มีความยืดหยุ่น เปิดกว้าง และปรับใช้ได้กับทุกกลุ่มวัยและทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็ก ผู้สูงวัย กลุ่มเปราะบาง หรือชาติพันธุ์ สามารถเข้าถึงและออกแบบเส้นทางการเรียนรู้ของตนเองได้

หัวใจสำคัญคือ ต้องการสร้างแรงจูงใจภายในที่ทำให้คนอยากเรียนรู้ด้วยตนเองตลอดชีวิต (Demand Side) จนกลายเป็น DNA รักการเรียนรู้ในสังคมไทย ทั้งนี้ จำเป็นต้องมีกลไกที่เสริมให้ระบบนิเวศการเรียนรู้มีชีวิตและสามารถขับเคลื่อนตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง โดยพัฒนาระบบ “ธนาคารหน่วยกิต (Credit Bank)” ให้เป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญในการอำนวยให้เกิดการระดมและแลกเปลี่ยนทรัพยากร (Learning Mobilise) ที่ช่วยขับเคลื่อนให้การเรียนรู้ระหว่างพื้นที่ องค์ความรู้ และสร้างโอกาสใหม่ ๆ สำหรับทุกคน

นอกจากนี้ ยังต้องให้ความสำคัญกับการเก็บข้อมูล ผลลัพธ์จริง และนำมาใช้ปรับปรุงระบบอย่างต่อเนื่อง (Feedback Loop) ลดการแบ่งแยกหน่วยงาน เพิ่มการบูรณาการภารกิจต่าง ๆ โดยทุกภาคส่วนต้องร่วมผลักดันให้ “ท้องถิ่นเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญ” และเข้ามามีส่วนร่วมเป็นผู้ออกแบบระบบนิเวศการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์บริบทของตัวเอง เพื่อให้การเรียนรู้ไม่ใช่แค่เรื่องของระบบส่วนกลาง แต่เป็นพลังที่เติบโตจากรากฐานและความต้องการของประชาชน

จากนี้ สกศ. จะนำข้อเสนอจากผู้ทรงคุณวุฒิไปปรับปรุงมาตรฐานการจัดระบบนิเวศการเรียนรู้ใน (ร่าง) มาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. …. ให้ครอบคลุมทุกประเด็นและสอดคล้องกับมาตรฐานด้านอื่น ๆ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนมาตรฐานสู่การปฏิบัติ นำไปสู่การพัฒนาศักยภาพคนไทยในทุกช่วงวัย รองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคต ตลอดจนเป็นแนวทางสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็น “ชาติแห่งการเรียนรู้” อย่างแท้จริง

เอกสารอ้างอิง:

สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. 2568. สกศ. ชูแนวคิด “ระบบนิเวศการเรียนรู้” อัปเดตมาตรฐานการศึกษาของชาติ หวังสร้างไทยสู่ชาติแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต. สืบค้น 31 ตุลาคม 2568 จาก https://www.onec.go.th/th.php/page/view/Newseducation/6434

เรื่องที่คุณอาจสนใจ