
ARTIFICIAL INTELLIGENCE หรือที่เรามักคุ้นเคยกันนชื่อ AI ไม่ได้เป็นเพียงเทคโนโลยี แต่เป็น “แรงเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง” ที่ส่งผลต่อทุกช่วงวัยของชีวิต จึงควรพัฒนาแบบ People-centred AI ที่เน้นเสริมศักยภาพและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ โดยมีแนวคิดหลัก “Three I” ได้แก่
- Invest – ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและทักษะดิจิทัล
- Inform – ให้ข้อมูลและความรู้เรื่องโอกาส–ความเสี่ยงของ AI
- Include – เปิดโอกาสให้ทุกช่วงวัยมีส่วนร่วมในการออกแบบและใช้ AI
ผลกระทบและแนวทางในแต่ละช่วงวัย
- เด็กเล็ก (Early childhood): ควบคุมเวลาและกิจกรรมหน้าจอ ให้พ่อแม่และครูมีความรู้เรื่องผลกระทบของเทคโนโลยี
- วัยเรียน (School age): ใช้ AI เสริมการเรียนรู้ แต่ต้องคำนึงถึงอคติ ความเป็นธรรม และความปลอดภัยของข้อมูล
- วัยรุ่น (Adolescence): ใช้สมาร์ตโฟนและแอป AI อย่างปลอดภัย สร้างความรู้เท่าทันสื่อและสนับสนุน AI เพื่อสุขภาพจิต
- วัยผู้ใหญ่ (Adulthood): ปรับตัวกับงานที่เปลี่ยนไปจากระบบอัตโนมัติ ส่งเสริมทักษะดิจิทัลและเสรีภาพในการเลือกใช้ AI
- ผู้สูงอายุ (Older age): ใช้ AI เสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิต พัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับผู้สูงอายุและลดความเหลื่อมล้ำดิจิทัล
นอกจากนี้ รายงานของ UNDP ได้เสนอแนวทางเชิงนโยบายสำคัญ 4 ประการ เพื่อให้ AI เป็นพลังในการสนับสนุนการพัฒนามนุษย์ในทุกช่วงวัย ดังนี้
1. สร้างระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิต ให้ทุกคนสามารถพัฒนาทักษะใหม่ได้ตลอดชีวิต และเข้าถึงโอกาสการเรียนรู้แบบดิจิทัล
2. ยกระดับการคุ้มครองทางสังคมในยุคดิจิทัล ปรับระบบสวัสดิการ แรงงาน และภาษีให้รองรับแรงงานในระบบแพลตฟอร์มและเศรษฐกิจใหม่
3. กำหนดกรอบจริยธรรมและกฎหมายด้าน AI เพื่อให้การพัฒนาเทคโนโลยีเป็นไปอย่างรับผิดชอบโปร่งใส และเคารพสิทธิมนุษย์
4. ส่งเสริมการพัฒนา AI ที่คำนึงถึงบริบทท้องถิ่น โดยใช้แนวทางความร่วมมือระหว่างรัฐ เอกชนสถาบันการศึกษา และประชาสังคม เพื่อให้เทคโนโลยีตอบโจทย์ปัญหาสังคมของแต่ละพื้นที่
ท่านใดสนใจสามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดฉบับเต็มได้ที่ https://www.onec.go.th/th.php/page/view/Outstand/6419
เอกสารอ้างอิง:
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. 2568. การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (ARTIFICIAL INTELLIGENCE : AI). สืบค้น 19 ตุลาคม 2568 จาก https://www.onec.go.th/th.php/page/view/Outstand/6419