Skip to content

เสริมพัฒนาการให้สมวัย เล่นแบบไหนได้บ้าง

การเล่นเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่สำคัญที่สุดของเด็ก โดยเฉพาะในวัยปฐมวัย ซึ่งเป็นช่วงที่สมองและพฤติกรรมของเด็กเติบโตอย่างรวดเร็ว การจัดกิจกรรมการเล่นที่เหมาะสมจึงมีผลต่อพัฒนาการทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาได้อย่างครอบคลุม โดยสามารถแบ่งรูปแบบของการเล่นออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่

1. การเล่นอิสระ (Free Play)

การเล่นอิสระ คือ การที่เด็กได้เล่นโดยไม่มีการควบคุมจากผู้ใหญ่ ไม่มีแบบแผนหรือกติกาตายตัว เด็กจะเป็นผู้กำหนดวิธีการเล่นเอง เช่น การเล่นทราย เล่นสมมติบทบาท วิ่งเล่น หรือเล่นกับวัสดุรอบตัวตามจินตนาการของตนเอง

จุดเด่นของการเล่นอิสระ:

  • ส่งเสริม ความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ
  • ฝึกให้เด็ก คิดแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเอง
  • ทำให้เด็ก รู้จักควบคุมอารมณ์ และแสดงออกอย่างอิสระ
  • ช่วยให้เด็กเกิดความสุขและรู้สึกปลอดภัยในการเรียนรู้

เหมาะสำหรับเด็กอายุ: 2–8 ปี

2. การเล่นแบบมีแบบแผน (Structured Play)

การเล่นแบบมีแบบแผน คือ การเล่นที่มีผู้ใหญ่กำหนดวัตถุประสงค์ วิธีการเล่น กฎเกณฑ์ หรือมีเป้าหมายชัดเจน เช่น การเล่นเกมการแข่งขัน กีฬา ทำอาหาร หรือการร่วมกิจกรรมกลุ่ม

จุดเด่นของการเล่นแบบมีแบบแผน:

  • ส่งเสริม การทำงานเป็นทีม
  • พัฒนา ทักษะการสื่อสาร และการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
  • สร้าง วินัย ความรับผิดชอบ และรู้จักการยอมรับกติกา
  • เด็กได้ฝึกความคิดเชิงตรรกะและกระบวนการคิดเป็นระบบ

เหมาะสำหรับเด็กอายุ : 8 ปีขึ้นไป

การเล่นทั้งสองรูปแบบต่างมีความสำคัญและเหมาะสมกับวัยของเด็กในช่วงต่าง ๆ การจัดกิจกรรมการเล่นที่หลากหลายและเหมาะสมกับพัฒนาการของเด็กจะช่วยให้เด็กเติบโตอย่างสมดุล มีสุขภาพกายใจที่ดี มีความสุขในการเรียนรู้ และมีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคงในอนาคต

ผู้ใหญ่ควรส่งเสริมให้เด็กได้เล่นทั้งแบบอิสระและแบบมีแบบแผน เพื่อให้พัฒนาการของเด็กเป็นไปอย่างเต็มศักยภาพ ทั้งในด้านความคิดสร้างสรรค์ การเข้าสังคม และการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ

เอกสารอ้างอิง:

nopparat. 2567. เสริมพัฒนาการให้สมวัย เล่นแบบไหนได้บ้าง. สืบค้น 19 มิถุนายน 2568, จาก  https://www.thaihealth.or.th/?p=354387 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ