
การจมน้ำ ถือเป็นสาเหตุการเสียชีวิตเป็นอันดับหนึ่ง ในเด็กไทยอายุต่ำกว่า 15 ปี จากข้อมูลเบื้องต้นพบว่า ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ปี 2567 พบเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี จมน้ำเสียชีวิตถึง 173 ราย เฉลี่ยวันละเกือบ 2 ราย มากสุดในเดือนมีนาคม รองลงมา คือ เมษายน และพฤษภาคม ส่วนใหญ่อายุ 10 – 14 ปี คิดเป็นร้อยละ 39.3 รองลงมา อายุ 5 – 9 ปี คิดเป็นร้อยละ 32.4 และอายุ 0 – 4 ปี คิดเป็นร้อยละ 28.3 โดยเพศชายจมน้ำสูงกว่าเพศหญิงถึง 2.8 เท่าตัว
เพื่อป้องกันความสูญเสียของลูกหลาน ทุกภาคส่วนที่มีส่วนเกี่ยวข้องและชุมชนต่าง ๆ ควรร่วมมือในการจัดการกับความเสี่ยงนี้ โดยเริ่มจาก
1.) สำรวจแหล่งน้ำเสี่ยงในชุมชน อาทิ คลองชลประทาน ฝายกั้นน้ำ หนองน้ำ บ่อน้ำสาธารณะ และจัดการป้องกันความเสี่ยงเพื่อให้เกิดความปลอดภัย เช่น ล้อมรั้ว ติดป้ายคำเตือน การปักธงสัญลักษณ์แสดงพื้นที่อันตราย จัดให้มีอุปกรณ์ช่วยเหลือฉุกเฉินไว้บริเวณแหล่งน้ำเสี่ยง อาทิไม้ ถังแกลลอนเปล่าผูกเชือก ขวดน้ำพลาสติกปิดฝา เป็นต้น
2.) เฝ้าระวังและแจ้งเตือนในชุมชน ได้แก่ ประกาศเสียงตามสาย คอยตักเตือนเมื่อเห็นเด็กเล่นน้ำตามลำพัง กำชับให้ผู้ปกครองเพิ่มความตระหนักในการดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด
3.) สอนให้เด็กรู้จักแหล่งน้ำเสี่ยงและอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น การฝึกทักษะในการว่ายน้ำและการเอาชีวิตรอด สำหรับผู้ปกครองควรเตือนเด็กและสอนให้เด็กเรียนรู้กฎความปลอดภัยทางน้ำ เช่น ไม่เล่นใกล้แหล่งน้ำ รู้จักประเมินแหล่งน้ำ เช่น ความลึก ความตื้น และกระแสน้ำ
หากตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายไม่ควรกระโดดลงไปช่วย เพราะอาจจมน้ำพร้อมกันได้ หรือใช้วิธี”ตะโกน โยน ยื่น” 3 หลักการในการเอาตัวรอดจากการจมน้ำ ดังนี
• ตะโกน คือ การเรียกให้ผู้ใหญ่มาช่วยและโทรแจ้งทีมแพทย์กู้ชีพ 1669
• โยน คือ อุปกรณ์ที่อยู่ใกล้ตัวเพื่อช่วยคนตกน้ำเกาะจับพยุงตัว เช่น ถังแกลลอนพลาสติกเปล่า หรือวัสดุที่ลอยน้ำได้โดยโยนครั้งละหลาย ๆ ชิ้น
• ยื่น คือ อุปกรณ์ที่อยู่ใกล้ตัวให้คนตกน้ำจับ เช่น ไม้ เสื้อ ผ้าขาวม้า ให้คนตกน้ำจับและดึงเข้าหาฝั่ง
เอกสารอ้างอิง:
กองป้องกันการบาดเจ็บ กรมควบคุมโรค. (2567). หมอเตือน ผู้ปกครองระวังเด็กจมน้ำช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ชวนบ้าน-ชุมชนเร่งจัดการแหล่งน้ำก่อนสูญเสีย. สืบค้น 14 พฤษภาคม 2568, จาก https://ddc.moph.go.th/odpc7/news.php?news=41193&deptcode=odpc7&news_views=222