
หลักการในการดูแลเด็กที่ต้องเติบโตในสถานที่ที่ไม่ใช่ “บ้าน” เช่น ในศูนย์พักพิง สถานดูแลเด็ก สถานสงเคราะห์ ที่เด็กต้องใช้ชีวิตทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน เป็นระยะเวลานาน นอกเหนือจากการเป็นที่อยู่ ที่หลับนอน มีอาหาร มีการดูแลร่างกาย ให้การศึกษา สิ่งหนึ่งที่มักจะพร่อง และอาจขาดหายไปคือเด็กไม่รู้ถึงการมี “ตัวตน” ของพวกเขา ไม่สามารถสร้างความผูกพัน ความสัมพันธ์ที่มั่นคงกับบุคคลอื่น ดังนั้น เด็กทุกคนควรได้รับโอกาสที่จะเติบโตในบรรยากาศที่เป็นบ้าน ถ้าไม่ใช่บ้านที่เป็นครอบครัวของเด็ก ก็ควรเป็นบ้านทดแทน เช่น ครอบครัวอุปถัมภ์ ระยะเวลาที่อยู่ในสถานพักพิงต่างๆ ควรจะสั้นที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้
แต่เมื่อเด็กบางคนจำเป็นต้องใช้ชีวิตอยู่ในสถานพักพิง ทั้งระยะสั้น ระยะยาว ผู้ดูแลควรดูแลโดยให้ความสำคัญกับ “ตัวตน” การมีอยู่ของเด็ก ให้เด็กยังคงรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่ง มีหลักการดังนี
5 ส เพื่อการดูแลเด็กในสถานดูแลเด็ก

สบตา คือ สบตากับเด็กทุกครั้งที่เจอกัน เห็นเด็กเสมอ ให้เด็กรู้สึกมีตัวตนในสายตาของผู้ดูแลอยู่เสมอ อาจส่งยิ้ม ทักทาย พยักหน้า ให้เด็ก
สัมผัส (body contact) คือ สัมผัสที่มีความเหมาะสม ตามโอกาส สม่ำเสมอ เช่น จับมือ กอด แตะไหล่ เลือกวิธีให้เหมาะกับวัย เพศ และความต้องการของเด็ก
สื่อสาร เป็นอีกสิ่งสำคัญที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ อาจจะเป็นเพียงการทักทาย พูดคุยกันเล็ก ๆ น้อย ๆ ทุกครั้งที่เจอหน้ากัน จนถึงการให้เวลาในการรับฟังเด็ก มีการสื่อสาร 2 ทาง ทำให้เด็กรู้สึกว่า “ฉันมีตัวตนในสถานที่แห่งนี้”
ส่วนร่วม คือ ให้ทุกคนมีส่วนร่วมในกิจกรรม ตั้งแต่ การเสนอ การเลือกกิจกรรมที่ต้องการทำ จนถึงการช่วยดูแลกัน ระวังว่าไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง การมีส่วนร่วมนอกจากทำให้รู้สึกว่ามีตัวตน ยังช่วยฝึกทั้งด้านความคิด และการรับฟังคนอื่น
ส่วนตัว คือ ให้เวลาส่วนตัวกับเด็กที่มีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพฤติกรรม อารมณ์ การปรับตัว โดยกำหนดเป็นกิจกรรมเฉพาะตัว ระยะเวลา ความถี่ห่างขึ้นกับความรุนแรงของสภาพปัญหา
วิธีการปรับพฤติกรรมเด็กในสถานดูแลเด็ก

เด็กที่เติบโตในสถานพักพิง อาจมีปัญหาพฤติกรรมได้มาก การปรับพฤติกรรมต้องการผู้ที่เข้าใจ ให้โอกาส และมีมุมมองที่ดีต่อเด็ก มีหลักการดังนี้
Set your mind ปัจจัยสำคัญของความสำเร็จในการปรับพฤติกรรม คือ ผู้ดูแลมีความเชื่อว่า เด็กทุกคนจะดีขึ้นได้ และเชื่อว่าเด็กแค่มีพฤติกรรมที่ไม่ดี ไม่ใช่ตัวตนของเด็กไม่ดี
Set environment / atmosphere ให้เด็กรู้สึกว่ามีตัวตน เป็นส่วนหนึ่งของบ้านพักพิง (ใช้หลัก 5 ส. ข้างต้น) และได้รับความปรารถนาดีจากผู้ดูแลเสมอ
Set opportunity ให้เด็กได้มีโอกาสที่จะแสดงศักยภาพด้านบวก ไม่ควรมุ่งแต่การแก้ปัญหาพฤติกรรมที่เป็นลบ ควรมุ่งสนับสนุนพฤติกรรมที่ทำให้เด็กรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองควบคู่กันไปด้วยเสมอ
Set rules มีกติกา เน้นการให้เด็กมีส่วนร่วมกำหนดกติกา ที่เป็นการระบุให้ชัดว่า ทำ-ไม่ทำ อะไร อย่างไร แบบไหน เมื่อไร และมีการกำหนดรางวัล หรือสิ่งที่จะได้รับเมื่อทำได้ (positive impact) และผลกระทบทางลบที่เด็กจะได้รับถ้าไม่สามารถทำตามกติกาได้ (negative impact)
เอกสารอ้างอิง:
วนิดา เปาอินทร์. (2568). การดูแลเด็ก ในสถานดูแลเด็ก. สืบค้น 10 พฤษภาคม 2568, จาก https://oscc.consulting/media/44