
เลี้ยงเด็กหนึ่งคน ต้องใช้ทั้งประเทศ
ประโยคที่ว่า “เลี้ยงเด็กหนึ่งคนต้องใช้คนทั้งหมู่บ้าน” อาจไม่เพียงพอต่อความเป็นจริงของสังคมปัจจุบันอีกต่อไป เพราะการดูแลเด็กในยุคนี้มิได้จำกัดอยู่ในขอบเขตของครอบครัวหรือชุมชนเท่านั้น แต่เป็นภารกิจร่วมของทั้งประเทศ
นางสาวณัฐยา บุญภักดี ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า การเลี้ยงดูเด็กในปัจจุบันเต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งจากเศรษฐกิจที่กดดันให้พ่อแม่ต้องใช้เวลาไปกับการหารายได้ ปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่กระทบต่อสุขภาพเด็กโดยตรง ตลอดจนสังคมที่เปราะบางและมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้การเติบโตของเด็กเป็นเรื่องซับซ้อนเกินกว่าครอบครัวใดครอบครัวหนึ่งจะรับมือได้เพียงลำพัง
เด็กถือเป็นกลุ่มเปราะบางที่ต้องได้รับการคุ้มครอง แต่ในความเป็นจริง เด็กแต่ละคนมีระดับความเปราะบางต่างกัน เด็กในครัวเรือนยากจนมีแนวโน้มได้รับผลกระทบทางพัฒนาการมากกว่าเด็กที่อยู่ในครัวเรือนมั่นคง ข้อมูลชี้ว่าเด็กไทยเพียงร้อยละ 20 เท่านั้นที่อยู่ในครอบครัวที่มีทรัพยากรเพียงพอ ขณะที่ร้อยละ 70 อาศัยอยู่ในครอบครัวที่ขาดแคลน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำที่ฝังลึกในโครงสร้างสังคมไทย
สังคมเมืองและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงยังส่งผลต่อพฤติกรรมของเด็กยุคใหม่ เด็กจำนวนมากมีความเป็นปัจเจกสูง ไม่ชอบเข้าสังคม และมีความวิตกกังวลมากขึ้น ปัจจัยหนึ่งคือการขาดโอกาสในการเล่นอย่างอิสระ การพัฒนาเมืองทำให้พื้นที่เล่นลดลง ขณะที่เวลาอยู่หน้าจอเพิ่มขึ้น การเล่นผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไม่สามารถทดแทนการเล่นจริงได้ เพราะพัฒนาการของเด็กต้องอาศัยการเคลื่อนไหว การสัมผัส และการมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งรอบตัว
นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจยังทำให้ครอบครัวจำนวนมากอยู่ในภาวะเปราะบาง หนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงส่งผลให้เด็กซึมซับความเครียดตั้งแต่วัยเยาว์ การมีบาดแผลทางใจ (Childhood Trauma) จากความรุนแรงหรือความเครียดเรื้อรังในบ้าน เป็นปัจจัยสำคัญที่อาจนำไปสู่พฤติกรรมเสพติดหรือปัญหาทางอารมณ์ในวัยผู้ใหญ่
การเลี้ยงดูเด็กให้เติบโตอย่างมีความสุขจึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ครอบครัวต้องได้รับการสนับสนุนจากสังคมและนโยบายรัฐ ระบบแรงงานควรออกแบบให้เอื้อต่อการดูแลครอบครัว เช่น มีเวลายืดหยุ่นและสวัสดิการที่ครอบคลุมคนทำงานและบุตรของพวกเขา เพราะการดูแลพ่อแม่ก็คือการดูแลเด็กทางอ้อม
สสส. ทำงานภายใต้แนวคิด “เลี้ยงเด็กหนึ่งคน ต้องใช้คนทั้งหมู่บ้าน” โดยสนับสนุนการสร้างระบบนิเวศที่เกื้อหนุนต่อการเติบโตของเด็ก เช่น การพัฒนาพื้นที่เล่นในชุมชน การสร้างฐานข้อมูลเด็กเชิงพื้นที่ และการเปิดโอกาสให้เด็กมีส่วนร่วมในการออกแบบนโยบายที่เกี่ยวข้องกับตนเอง
ในโลกที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งเทคโนโลยี มลพิษ และสภาพภูมิอากาศ สิ่งสำคัญที่สุดที่ผู้ใหญ่สามารถมอบให้เด็กได้ คือ “สุขภาวะทางอารมณ์” หรือ Emotional Well-being เด็กที่มีความสุขและสามารถจัดการอารมณ์ตนเองได้ จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มั่นคง ยืดหยุ่น และพร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนของอนาคต

นางสาวณัฐยาทิ้งท้ายว่า หากจะจำเพียงคำเดียวจากบทสนทนานี้ คำคำนั้นคือ “Happy Child”เพราะการเลี้ยงเด็กให้มีความสุข คือจุดเริ่มต้นของการสร้างมนุษย์ที่แข็งแรงทั้งกาย ใจ และปัญญา และเป็นรากฐานของสังคมที่ยั่งยืนในวันข้างหน้า
หากท่านใดสนใจสามารถเข้าไปอ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ที่ https://readthecloud.co/nattaya-boonpakdee/
เอกสารอ้างอิง:
เพ็ญสินี ธิติธรรมรักษา. 2568. แนวทางการออกนโยบายและสวัสดิการเพื่อเด็กและเยาวชน เพื่อโตเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแรงกับ ณัฐยา บุญภักดี จาก สสส.. สืบค้น 19 ตุลาคม 2568 จาก https://readthecloud.co/nattaya-boonpakdee/